ข้อที่ 16-20

16.กำหนดให้    U={1,2,3,4,5,6,7,8,9,10}     ให้  A และ B เป็นเซตย่อยของ U โดยที่  A={2,3,4,5,6,7} 
, B={1,3,5,7,9} จงหา n(A - B)'

a. 3 ตัว         b. 5 ตัว         c. 7 ตัว         d. 9 ตัว



แนวคิด
   พิจารณา  n(A - B)  ซิ่งจำนวนสามชิก เท่ากับจำนวนสมาชิกของเซต A ทั้งหมด ลบด้วยจำนวนสมาชิก ของเซต A ที่ซ้ำกับเซต B    ซึ่งมีค่าเท่ากับ 6 - 3 = 3 ซึ่งยังไม่ใช่คำตอบ
 พิจารณา n(A - B)' ซึ่งมีค่าเท่ากับ จำนวนสมาชิกของ U ทั้งหมดลบ จำนวนสมาชิกของn(A - B)
 จะได้          10 - 3 = 7

ตอบ  c. 7 ตัว



..........................................................................................................................................................

17.ข้อใดต่อไปนี้เป็นความสัมพันธ์ที่มีกราฟเป็นบริเวณที่แรเงา


    a.     b.  c.     d.
 
 
 
แนวคิด


1.ทดลองแทนจุด (2,0) ลงในอสมการแต่ละตัวเลือก


   A)02
B)02
   C)02
D)02

ตัดตัวเลือก A,C ทิ้งได้

2.ทดลองแทนจุด (2,0) ลงในอสมการในตัวเลือกที่เหลือ


    B)02
D)02

ตอบ D



..........................................................................................................................................................

18.นาย ก ยืนอยู่บนหน้าผา มองเห็นนาย ข และนาย ค ยืนอยู่ห่างจากหน้าผาบนพื้นราบเท่ากับ 10 เมตร และ 90 เมตร ตามลำดับ ถ้านาย ก มองเห็นนาย ข และนาย ค เป็นมุมก้ม θ องศา และ 90θ องศา ตามลำดับถ้าไม่คิดความสูงของทั้งสามคน แล้วนาย ก อยู่บนหน้าผาที่ถูกจากพื้นราบกี่เมตร
       b.17 c.25     d.30    

 
แนวคิด

1.วาดรูปประกอบ และกำหนดความสูงของหน้าผาเป็น h

คำนวณมุมภายในสามเหลี่ยม จะได้

2.อ่านค่า tan θ จากรูปสามเหลี่ยม แล้วแก้ระบบสมการหา h

จากมุม θ สีเหลืองจะได้

 

 
จากมุม θ สีแดงด้านบน จะได้


 
 
จับ tan θ ทั้งสอง เท่ากันแล้วแก้สมการหาค่า h

 

ตอบ30



..........................................................................................................................................................

19.ให้ A และ B เป็นเซตซึ่ง n(A)=7 , n(B)=4 และ n(AB)=3  ถ้าC=(AB)(BA) แล้ว n(P(C)) เท่ากับเท่าใด
 
 
 

เริ่มเติมจำนวนสมาชิกจากบริเวณตรงกลาง AB ซึ่งเท่ากับ 3

 
เนื่องจาก n(A)=7 ลบส่วนตรงกลางทิ้งไป 3 จะเหลือ n(AB)=4  ทำนองเดียวกัน จาก n(B)=4 ลบส่วนตรงกลางไป 3 จะเหลือ n(BA)=1 ดังรูป


2.คำนวณ n(C) และ n(P(C))

 
จากรูป หรือ จากข้อมูลในขั้นตอนที่แล้ว เราจะพบว่า

                  n(C)=n(AB)+n(BA)
    =4+1
=5

จากสูตรจำนวนสมาชิกของพาวเวอร์เซต

 

ตอบn(P(C))=32



..........................................................................................................................................................

20.ในการสำรวจวิชาที่นักเรียน 200 คนที่ชอบอย่างน้อยหนึ่งวิชา ปรากฏว่า
  • 130 คน ชอบวิทยาศาสตร์
  • 140 คน ชอบคณิตศาสตร์
  • 80 คน ชอบศิลปะ
  • 100 คน ชอบวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
  • 30 คน ชอบวิทยาศาสตร์และศิลปะ
  • 50 คน ชอบคณิตศาสตร์และศิลปะ
นักเรียนที่ชอบคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียวมีกี่คน
a.17     b.20    c.23   d.30
แนวคิด
1.ใช้สูตรยูเนี่ยนสามเซตหาจำนวนนักเรียนที่ชอบทั้งสามวิชา

ให้
  • Sแทน เซตของนักเรียนที่ชอบวิทยาศาสตร์ 
  • M แทน เซตของนักเรียนที่ชอบคณิตศาสตร์
  • A แทน เซตของนักเรียนที่ชอบศิลปะ
จากข้อมูลที่โจทย์กำหนดให้ สามารถเขียนเป็นสัญลักษณ์ทางเซตได้ดังนี้
  • n(SMA)=200
  • n(S)=130
  • n(M)=140
  • n(A)=80
  • n(SM)=100
  • n(SA)=30
  • n(MA)=50
จากสูตรยูเนี่ยนสามเซต แทนค่าจำนวนสมาชิกลงไป

n(SMA)=n(S)+n(M)+n(A)n(SM)n(SA)n(MA)+(SMA
              200=130+140+801003050+n(SMA)
              200=170+n(SMA)
 n(SMA)=200170
 n(SMA)=30

ซึ่งจะได้จำนวนนักเรียนที่ชอบทั้งสามวิชา 30 คน

2.วาดแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์

เริ่มเติมจำนวนสมาชิกจากส่วนตรงกลางก่อน (ช่องที่นักเรียนชอบทั้งสามวิชา)

จากนั้นนำข้อมูลอินเตอร์เซคชั่นสองเซตมาลบออกด้วย จำนวนนักเรียนที่ชอบทั้งสามวิชา
  • n(SM)=100 หัก 30 คน ได้ 70 คน
  • n(SA)=30 หัก 30 คน ได้ 0 คน
  • n(MA)=50 หัก 30 คน ได้ 20 คน
เติมลงในช่องทั้งสาม

   เนื่องจากโจทย์ถามจำนวนนักเรียนที่ชอบวิชาคณิตศาสตร์อย่างเดียว ซึ่งแผนภาพที่มีอยู่เพียงพอที่จะคำนวณสิ่งที่โจทย์ถามแล้ว โดยการนำ n(M)=140 ไปลบด้วยสามส่วนที่ทราบจำนวนแล้ว
ซึ่งจะได้จำนวนนักเรียนที่ชอบคณิตศาสตร์อย่างเดียวเท่ากับ

140703020=20

ตอบ   จำนวนนักเรียนที่ชอบคณิตศาสตร์อย่างเดียวเท่ากับ 20 คน

อย่างไรก็ตามเราสามารถเติมจำนวนสมาชิกจนครบทุกช่องได้ดังนี้

ข้อนี้สามารถมุ่งเป้าไปที่คำตอบได้เลย โดยหลังจากที่หา n(SMA)=30 แล้ว ก็คำนวณหา
n(MA)n(SMA)=5030=20

แล้วนำไปบวกกับ n(SM) ได้ สามส่วนสำคัญของ M เพียงพอต่อการนำไปคำนวณสิ่งที่โจทย์ถามแล้ว

 

ข้อสอบ คณิตศาสตร์ Published @ 2014 by Ipietoon

Blogger Templates